.....ผมได้เข้ามารับหน้าที่เป็นปลัดอำเภอในอำเภอเล็กๆแห่งหนึ่ง ทางภาคอีสาน คุ้นเคยและรู้จักมักจี่กับคนในละแวกนั้นเป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะผมมาอยู่ที่นี่เกือบสามปีแล้วเห็นจะได้ ในอำเภอเล็กๆแห่งนี้ถ้าพูดถึงร้าน แป๊ะตงแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จัก ร้านแป๊ะตงเป็นยิ่งกว่าเซเว่นอีเลฟเว่นเสียอีก มีแม้กระทั่งหวยใต้ดิน ซึ่งเป็นความหวังของคนลมๆแล้งๆในละแวกนี้ ผมกับแป๊ะตงสนิทสนมกันพอสมควร เพราะอาหารเย็นของผมก็ฝากท้องอยู่กับร้านแกนี่ล่ะ และทุกๆเย็นผมจะมีอาคันตุกะอยู่คนหนึ่ง แกมักจะมาขอเหล้ากินเป็นประจำ ไม่มีใครรู้ชื่อของแก ไม่มีใครรู้ว่าแกมาจากไหน รู้แต่ว่าแกมาขออาศัยหลวงตาอยู่ที่วัดมาเกือบสิบปีเห็นจะได้ คนละแวกนั้นมักจะเรียกแกว่า...ลุงเหล้า เพราะไม่ว่าแกจะเยื้องกายไปที่ไหน ก็จะได้กลิ่นเหล้าคลุ้งมาจากแกอยู่ตลอดเวลา และหน้าที่ประจำของแกในวัดก็คือ สัปปะเหร่อ
.....และทุกๆครั้งที่ลุงเหล้าเมาได้ที่ แกก็มักจะแอบอ้างว่าแกเคยเป็นนายอำเภอมาก่อน รู้จักคนในกระทรวงมากมาย เพื่อนๆรุ่นเดียวกับแกตอนนี้บ้างก็เป็นผู้ว่าบ้าง บางคนก็ลงเล่นการเมืองเป็นถึงรัฐมนตรีก็มีหลายคน ทำเอาพวกชาวบ้านและผมได้หัวเราะคลายเครียดกันไปไม่มากก็น้อย ลุงเหล้าเป็นคนชอบร้องเพลง หาเรื่องไอ้นั่นไอ้นี่มาคุยได้ไม่มีหยุดปาก ว่าไปแล้วชาวบ้านในละแวกนี้ก็ดูจะชอบนิสัยลุงเหล้าเหมือนกัน ....ในอำเภอเล็กๆแห่งนี้มีผลประโยชน์ด้านมืดของนักการเมืองท้องถิ่นมากมาย ลุงเหล้าแกมักจะพูดเพ้อเจ้อเวลาเมาของแกคนเดียวอยู่เสมอว่า ใครอยากจะกินจนรวยก็ให้พวกมันกินกันเข้าไป ถึงเวลามันก็เอาไปไม่ได้หรอก กูกินของกูอยู่แค่นี้ กูใช้ของกูอยู่แค่นี้พอแล้ว ถึงเวลากูก็ไปมือเปล่าเหมือนกัน...พวกมันกับกูก็ไม่มีใครหยิบอะไรติดไม้ติดมือไปได้หรอก นอกจากเวรกรรมที่มีของแต่ละคน ผมได้ยินแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนแก่ๆอย่างลุงเหล้าก็เป็นคนมีปรัชญาชีวิตไม่แพ้นักคิดนักเขียนที่มีชื่อเสียงบางคน แต่อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
.....แล้ววันหนึ่ง ผมได้เข้าไปขัดแข้งขัดขานักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางในอำเภอนั้นจากเรื่องของงบประมาณที่จะมาสร้างถนน ดูเหมือนว่าผมจะถูกปล่อยให้โด่ดเดี่ยวเพียงลำพัง ทางผู้ใหญ่ก็ไม่สนใจเรื่องของผมเลย ผมได้ถูกย้ายให้ออกจากพื้นที่ภายใน24ชั่วโมง เย็นวันนั้น ลุงเหล้ามาหาผมพร้อมกับยื่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของแกอย่างรวกๆ ผมไม่ได้ทันอ่าน แต่ก็รับไว้และนำมันลงยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเสียไม่ได้ แกกระซิบกับผมว่า พอไปถึง ให้เอาจดหมายที่แกเขียนให้ผมส่งให้กับเจ้ากระทรวงที่ผมทำงานอยู่ ผมไม่ได้ตอบรับอะไรแกเพราะต้องรีบเดินทางเข้ากระทรวง......หลายเดือนผ่านมา ผมได้เข้ามารับตำแหน่งเดิมแต่คราวนี้ผมถูกส่งลงมาทางภาคใต้ วันแรกที่ผมต้องมาทำงานที่นี่ผมต้องศึกษาประวัติเก่าๆของคนที่เคยทำหน้าที่ผมอย่างละเอียด ผมได้ศึกษาวิธีการทำงานของคนเก่าๆ และผมก็เหลือบไปเห็นเอกสารของนายอำเภอท่านหนึ่ง ดูหน้าตาแล้วรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ผมเพ่งมองดูรูปชายคนนั้นอยู่นานทีเดียว แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน จนกระทั่งหลายอาทิตย์ผ่านมา ผมได้ไปเจอเศษกระดาษเก่าๆที่ลุงเหล้าเคยให้ผมไว้ก่อนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในจดหมายเขียนไว้ว่า...ถึง ไอ้นึกเพื่อนรัก ได้ข่าวว่าตอนนี้แกเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการแล้วนี่หว่า แกยังจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้าได้หรือเปล่าวะ ถ้าแกยังไม่ลืมว่าใครเป็นคนยอมรับผิดแทนแกในวันนั้น แกช่วยเอาไอ้หนุ่มคนนี้รับไว้พิจรณาด้วย ข้าเห็นว่า หน่วยกร้านของมัน ไม่แพ้สมัยที่พวกเรายังหนุ่มๆอยู่ อุดมการณ์แรงกล้าดี ข้าชอบว่ะ ทันใดนั้นเองรูปของผู้ชายที่เป็นอดีตนายอำเภอที่นี่ก็ผุดเข้ามาในสมองของผมทันที มันเป็นภาพเดียวกันกับใบหน้าของลุงเหล้า...ผิดกันตรงที่ ชายคนนั้นหนุ่มกว่าดูดีกว่า เท่านั้นเอง....ผมฉีกจดหมายฉบับนั้นทิ้งไปและตั้งปนิธานในใจว่า ผมจะทำงานโดยไม่ใช้เส้นสายใครทั้งนั้น จะใช้ความสามารถที่มีอยู่ในตัวผมเอง...ขอบคุณนะครับ ลุงเหล้า ที่ลุงคิดจะช่วยผม....แล้วผมจะกลับไปหาลุงอีกครั้ง จะไปเล่าให้ชาวบ้านแถวนั้นได้ฟังว่า ลุงนี่แหละคือข้าราชการไทยโดยแท้ ไม่เคยคิดที่จะคอรัปชั่นเหมือนข้าราชการไทยบางบคน เป็นนายอำเภอที่ใจซื่อมือสะอาด ผมจะกลับไปประกาศให้ทุกๆคนได้รับรู้ว่า ลุง ไม่ใช่ ลุงขี้เมาอย่างที่ชาวบ้านเขาคิด...
(ยังไม่จบนะครับ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังต่อ อิอิ ขอตัวไปกินเหล้ากะลุงก่อง อิอิ)