บทที่ 14 : อ่อนแรง (2)
“เดินไปโรงเรียนอย่างนี้ดีจังเลยอัย...สมัยก่อนพี่ทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ต้องนั่งรถสองต่อกว่าจะถึง ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันนู่นล่ะ”
เช้านี้พี่จักษ์ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์เดินมาโรงเรียนเป็นเพื่อนเธออย่างที่เธอเดาว่าคุณปู่สั่ง เพราะเธอแอบได้ยินตอนที่ท่านห้ามนายน็อตไม่ให้เดินมาด้วย
“ไหน...กระเป๋าอัยหนักหรือเปล่า” ร่างสูงยึดกระเป๋าถือของเธอไปถือเสียเอง
“จะมาเอาใจอัยทำไมล่ะคะ ...มาเถอะ อัยถือเอง”
“พี่แค่อยากช่วยน่ะ” รอยยิ้มมีเลศนัยนั้นทำเธอมองซ้ายมองขวาอย่างไม่มั่นใจ “ทางซ้ายๆ...ที่ใส่ชุดวอร์มน่ะ มองเราตาไม่กะพริบเชียว”
เธอเหลือบมองเร็วๆพยายามไม่ให้คนดังกล่าวรู้ว่าโดนสังเกตเห็น ถอนใจออกมาหน่อยแล้วหันไปยิ้มให้พี่ชาย
“งั้นถือส่งให้ถึงหน้าโรงเรียนนะคะ” เธอว่าเมื่อหัวหน้าทีมฟุตบอลโรงเรียนยังคงมองมาแต่ไม่กล้าทักทายเพราะเขาเพียงวิ่งผ่านไปเฉยๆ
ถ้าเธอจำไม่ผิดพี่นิครวมเงินกับเพื่อนเช่าบ้านอยู่แถวๆนี้เพราะบ้านพี่แกห่างจากโรงเรียนมาก ตอนเช้าๆบางทีเธอก็จะเจอพี่แกมาวิ่งวอร์มแต่ส่วนใหญ่พี่นิคจะไม่สังเกตเห็นเธอ หรือถึงเห็นเธอก็จะแกล้งไม่เห็นแล้วเดินเร็วๆเข้าโรงเรียนไปก่อน
รอบนี้เหมือนว่าพี่นิคจะหาเธอได้ง่ายมากเพราะมีจุดรวมสายตาเป็นผู้ชายตัวสูงท่าทางใจดีมาช่วยถือกระเป๋าให้เธอแถมยังเดินตามเธอไม่ห่าง
...นี่พี่จักษ์จะช่วยแน่หรือเปล่าเนี่ย
“นี่ถ้าเป็นคนเมื่อคืนอัยจะยอมให้พี่ถือไหมเนี่ย”
“จะใครก็เหมือนกันนั่นล่ะ พี่จักษ์ก็” อัยส่ายหัวยิ้มๆ ...เหมือนพี่ชายจะรู้ว่าเธอยิ้มมากกว่าเดิมเพื่ออะไร ...ถ้าพี่นิคเลิกสนใจเธอได้ก็ไม่เลวล่ะนะ
“รู้ไหมอัย... ผู้ชายนะ ยิ่งถ้าผู้หญิงที่ชอบมีคนยุ่งยากด้วยมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งอยากได้เป็นเจ้าของมากเท่านั้น ...ถ้านายคนนั้นมาถามอัยว่าพี่เป็นใครก็บอกเขาไปแล้วกันว่าพี่เป็นพี่ชาย ดูท่าทางร้ายกาจเอาเรื่องอยู่ ...อัยไม่ได้ชอบอย่างนั้นใช่ไหม”
“พี่นิคน่ะหรอคะ ...พี่แกเป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลโรงเรียน กิตติศัพท์ใช้ได้เชียว” อัยส่ายหัว
“ดีแล้ว...พี่ชอบคนเมื่อคืนมากกว่า ท่าทางน่าคบกว่าคนเช้านี้เยอะ”
“กรนั่นก็กองหน้าทีมโรงเรียนนะพี่จักษ์” เธอเบิกตาแล้วเริ่มใส่ไฟ “สาวติดน่าดูเหมือนกันล่ะ เคยคบกับเพื่อนอัยด้วยแต่สุดท้ายก็เลิกกันไป”
“เลิกแบบดีๆหรือแย่ๆล่ะ”
“ก็...ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่น่ะค่ะ”
“อาฮะ...อย่างนั้นล่ะปลอดภัย...เด็กผู้ชายสมัยนี้เจ้าคิดเจ้าแค้น เอาแบบที่เขาคิดเป็นหน่อยไม่งั้นจะเสียใจ” พี่จักษ์หัวเราะ
เด็กสาวทำเสียงในลำคอแล้วมุ่นคิ้ว
“ทำไมถึงมีแต่คนชอบกรก็ไม่รู้”
“อ้าว...แล้วอัยไม่ชอบหรอ” คำถามแสนซื่อกับดวงตาใสแจ๋วนั้นทำเธอหน้าแดงขึ้นมาอีก เล่นเอาคนถามหัวเราะขบขันออกมาทันที “ไม่ใช่ว่าพี่สนับสนุนให้มีแฟนอะไรหรอกนะอัย...แต่บางครั้งน่ะ การที่เราเปิดรับใครเข้ามาในรูปแบบที่เหมาะสมมันก็เพิ่มสีสันให้ชีวิตเราเหมือนกัน อัยก็โตแล้ว คิดเป็นทำเป็นว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูก แล้วดูคนเมื่อคืนนี้เขาก็ท่าทางจริงใจนะ พี่ฟังจากคุณวีเหมือนกันว่าเป็นคนใช้ได้”
“พี่จักษ์พูดเหมือนคุณปู่จะยอม” อัยย้อนคำและเห็นว่าคนฟังถึงกับชะงัก เธอยิ้มแล้วว่าเข้าใหม่ “พี่จักษ์...เรารักกันอย่างพี่น้อง ต่างคนต่างรู้ดี ถึงอัยจะไม่มีแฟนแต่ความคิดอัยก็ไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ พี่จักษ์เป็นพี่ ...เช่นเดียวกับที่ถ้าพี่ไม่มีแฟน พี่ก็คงไม่คิดกับอัยอย่างนั้น”
“อัย...” พี่จักษ์ส่ายหัว “นี่อัยหาว่าพี่หาเรื่องกันอัยให้พ้นตัวอีกแล้วหรอ”
“เปล่าซะหน่อย” เด็กสาวมุ่นคิ้ว “อัยแค่จะยืนยันให้ชัดว่าต่อให้อัยจบ ม.หก หรือปริญญาอัยก็ไม่แต่งกับพี่หรอก ...ถึงแม้ว่าอัยจะไม่มีแฟน จะขึ้นคาน ...ยังไงพี่จักษ์ก็เป็นพี่ เข้าใจนะคะ”
“แล้วก็กำลังบอกพี่ด้วยใช่ไหมว่าถึงพี่อกหักนึกอยากรักอัยขึ้นมาอัยก็ไม่สนใจจะดามอกให้พี่” เขาว่าแล้วหัวเราะขำๆ “เอาล่ะสาวน้อย...พี่ไม่ล้อแล้วก็ได้ ...ตั้งใจเรียนนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
เธอยิ้มตอบและรับกระเป๋าคืนมาเมื่อถึงหน้าโรงเรียน
ดวงหน้ายิ้มแย้มค่อยคลายลงจนเหลือเพียงความเรียบเฉย ความกังวลยังไม่จางไปเมื่อนึกถึงความดื้อของคุณปู่
เธอยิ้มหลอกพี่จักษ์ไม่ต่างจากที่พี่จักษ์ยิ้มหลอกเธอ ...ต่างคนต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้ยังคงไม่มีทางออก พี่จักษ์อยากให้เธอสบายใจว่าเธอจะไม่ถูกคลุมถุงชนเช่นเดียวกับเธอที่ไม่อยากให้เขาคิดมากทั้งเรื่องแฟนและเรื่องงาน
...ว่าแต่ทางแก้มันอยู่ที่ไหนนะ?
“ยังไงฉันก็จะเอามันไปอยู่ด้วย”
เสียงที่จะร้องบอกว่ากลับบ้านแล้วเป็นอันชะงักอยู่ในคอเมื่อใบหูได้ยินเสียงคุ้นเคย
“แต่คุณพ่อครับ...อัยเป็นลูกผมนะ”
“ก็ไม่เห็นว่าแกจะดูแลอะไรลูกได้ ...แม่มันก็ร่อนอยู่ข้างนอกโน่น”
“พ่อครับ...อย่าพูดถึงอรแบบนั้น อร...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกันหรอก ...แกจะทำให้ฉันโกรธ”
“ถึงยังไง...ผมก็ไม่ให้อัยไปอยู่ไกลจากผมหรอก... ถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนผมทิ้งลูก”
อัยยาเห็นพ่อของตนตีหน้าจริงจังอย่างที่เธอไม่ค่อยเคยเห็น
หัวใจค่อยพองโตขึ้นมาแต่ก็ค่อยเหี่ยวลงเมื่อได้ยินเสียงคุณปู่
“งั้นแกก็เลือกเอา...จะเอาลูกไว้ก็หย่ากับเมียซะ ไม่งั้นอัยยาต้องไปอยู่กับฉัน”
“คุณพ่อ...” วีระผุดลุกทันทีแล้วพลันดวงตานั้นก็เหลียวมามองเธอที่ยืนค้างอยู่ตรงประตู “อัย...กลับมาแล้วหรือลูก”
อัยยาปิดประตูบ้านเหมือนไม่ได้ยินอะไรยิ้มนิดๆแล้วว่า
“กลับมาแล้วค่ะ” เธอว่าแล้วเตรียมตัวเดินขึ้นห้อง
“กินอะไรก่อนไหมลูก”
“อัยกินไม่ลง ...อัยไปทำการบ้านนะคะ” เด็กสาวตัดบทแล้วเดินขึ้นห้อง ปิดประตูลงกลอนก่อนจะถอนใจออกมาดังๆ
คุณปู่ใจร้าย...
ก๊อกๆ
“อัย...อัยช่วยอะไรน็อตหน่อย” เสียงเรียกจากทางประตูทำให้เธอปั้นสีหน้าแล้วเดินไปเปิดรับลูกพี่ลูกน้องซึ่งกำลังยืนเกาหน้าด้วยท่าทางอิดออด “เอ้อ...อัย...”
“มีอะไรหรอน็อต” เด็กสาวเริ่มงงกับท่าทางนั้น
“ว่างไหม”
“อื้ม” วันนี้เธอไม่มีการบ้านหนักๆอะไร ทำก่อนนอนก็ยังไหว “ทำไมหรอ”
“ก็เรื่องนั้นไง...คนที่เขาจีบน็อตน่ะ” น็อตลดเสียงลงด้วยกลัวคุณปู่จะได้ยิน
“อ้อ” อัยปิดประตูห้องนอนเตรียมลงไปข้างล่างทันที “งั้นไปข้างนอกกัน”
“อัยทำท่าขัดขืนนะ...เดี๋ยวน็อตลากอัยออกข้างนอกเลยไม่งั้นคุณปู่ว่าแหลกแน่”
“หือ?” เด็กสาวมีทีท่าไม่เข้าใจ “ทำอะไรนะ”
“เอาน่า มา!” น็อตฉุดแขนเธอแล้วลากลงบันไดไปอย่างที่เธออุทานเสียงดังอย่างตกใจ
“น็อต...อะไร...” ร่างบางเซถลาตามแรงดึงจนไปถึงหน้าประตูบ้าน เสียงกัมปนาทของคุณปู่ถึงได้ไล่หลังมา
“พวกแกจะไปไหน!” ท่านเดินกระฉับกระเฉงจับไม้เท้าตามมาอย่างที่เธอยังคงเบิกตาตกใจเมื่อนายน็อตหันไปบอกแค่ว่า
“จะกลับมาให้ทันข้าวเย็นครับผม!” แล้วก็ลากเธอออกมาจนพ้นบริเวณหน้าบ้าน “โหย...นึกว่าจะไม่รอดแล้ว”
“น็อต...” อัยยังคงอึ้งๆ ก่อนที่ความคิดจะเริ่มไล่เรียงกันเป็นลำดับ “ต้องหนีขนาดนี้เลยหรือไง”
“น่านะ...ตอนนี้ถ้ากลับไปก็เป็นเราโดนดุ ไม่ใช่อัย โอเคนะ” ลูกพี่ลูกน้องคนดียิ้มแป้น “คุณปู่ท่านห้ามเราไปไหนมาไหนกับอัยแค่สองคนนี่นา มีพี่จักษ์คนเดียวนั่นล่ะที่ต่อให้พาอัยไปเที่ยวทั่วไทยท่านก็จะไม่ว่าสักคำ”
“เฮ้อ”
“น่าเซ็งชะมัด พี่น้องกันแท้ๆ แต่เอาเหอะ...ไปโทรศัพท์กันไป” เขายักไหล่ “กันท่าออกนอกหน้าซะจนใครๆเขาก็ลือไปทั่วว่าพี่จักษ์ยังไงก็ต้องแต่งกับอัย”
“แล้วแฟนพี่จักษ์เขาว่าไงน่ะ”
“ก็ปลอบกันแทบแย่เหมือนกันล่ะ ...น็อตเคยไปช่วยพูดอยู่รอบหนึ่งว่าอย่างอัยไม่ชอบพี่จักษ์” น็อตยิ้มแหยๆ “เราบอกเขาไปว่าอัยเป็นทอมน่ะ ดูเขาสบายใจขึ้นเยอะ”
“แหม...” อัยยิ้มขำเมื่อเดินจนถึงตู้โทรศัพท์สาธารณะ เธอยกหูและน็อตก็หยอดเหรียญพร้อมทั้งหยิบกระดาษจดขึ้นมาดูยามกดเบอร์ “เขาชื่ออะไรหรอน็อต...คนนี้น่ะ”
“ชื่อแก้ม” เขายักไหล่ในขณะที่เธอฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์รอสาย “ความจริงก็หน้าตาดีนั่นล่ะ แต่นิสัยแย่มาก เอาแต่ใจ ขี้วีนแถมยังเต๊ะท่าผู้ดีเกินเหตุจนน่าหมั่นไส้”
“นินทาผู้หญิงนี่ไม่ลูกผู้ชายเลยนะ” อัยยิ้มขำ “หรือน็อตไม่ใช่ผู้ชาย”
“จะบ้าเหรอตัว” เขาแกล้งทำสะดีดสะดิ้งแล้วก็หัวเราะ “น็อตแมนเต็มร้อยนะอัยแต่สเปคน็อตไม่ใช่อย่างนี้ อย่างน้อยๆก็สมควรจะมีเหตุมีผลไม่ใช่เรื่องมากน่ารำคาญไปเสียทุกอย่าง ...บางคนที่น็อตบอกเขาว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่าแล้วเขาเข้าใจเราก็ยังคบกันดีๆอยู่นะ แต่คนนี้น่ะ...ยังไงก็ไม่ฟังเลย”
“อืม...” เธอครางรับและสะดุ้งขึ้นมาหน่อยเมื่อมีคนรับสาย
“/ฮัลโหล/”
“ใช่แก้มหรือเปล่า...” เธอเกือบจะลงท้ายคำคะขาไปแล้วแต่ก็ไม่เมื่อนึกถึงนิสัยสาวเจ้าที่น็อตเล่าให้ฟัง “เราเป็นแฟนน็อต”
“/ใครนะ/” กระแสเสียงจิกๆนั้นเริ่มฉายแววออกมาทีละน้อย “/เธอน่ะหรอแฟนน็อต ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน นั่นน็อตอยู่ด้วยหรือเปล่า/”
“เราชื่อแก้ว” อัยนึกขอโทษขอโพยเพื่อนในใจในขณะที่น็อตมองเธอตาปริบๆแล้วแนบหูฟังด้วยคน “น็อตก็อยู่ด้วยตอนนี้...เราแค่จะโทรฯมาบอกน่ะว่าเรากับน็อตคบกันนานแล้ว เราไม่อยากให้เธอมาวุ่นวายกับคนที่มีเจ้าของ อย่าทำแบบนี้เลยนะ น็อตเองก็อึดอัด”
“/ทำไมน็อตทำแบบนี้.../”
อัยตกใจเมื่อเสียงฝ่ายนั้นกลายเป็นสะอึกสะอื้น
“/ฮึก...ตอนน็อตขอเราคบน็อตก็บอกเราเองว่าน็อตไม่มีแฟน เราก็อุตส่าห์ไว้ใจให้อะไรๆไปตั้งมาก จน...ฮือ.../”
อัยมองหน้าลูกพี่ลูกน้องที่เบิกตาฟังคำจากปลายสาย น็อตส่ายหัวเป็นพัลวันเชิงว่าไม่รู้เรื่อง
...ให้ตายสิ
“/...จน... จนแม้แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดเราก็ให้เขาไปแล้ว.../”
อัยถึงกับอ้าปากค้างเมื่อฟังคำนั้น น็อตก็อึ้งไปแบบไม่รู้จะว่าอย่างไร
‘น็อตยังบริสุทธิ์นะอัย แก้มโกหก’ เด็กสาวอ่านปากญาติสนิทได้อย่างนั้น
“/ฮึก...เธอชื่อแก้วใช่ไหม ...แก้ว แก้วต้องเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกันนะ น็อตเขาได้เราแล้วเขาจะทิ้งเราอย่างนี้ไม่ได้ เราเจ็บ...เจ็บจนบรรยายไม่ถูก/” เสียงสะอื้นจากปลายสายยังว่าต่อโดยที่น็อตหยอดเหรียญห้าเติมเข้าไปแล้วแนบหูฟังด้วยดวงหน้าเครียดๆ เส้นประสาทที่ขมับปูดขึ้นมาอย่างที่อัยเดาออกว่าเจ้าตัวกำลังโกรธ “/แก้ว...แก้วคืนน็อตให้เรานะ ไม่อย่างนั้น...เราคงด้านหน้าอยู่บนโลกนี้ต่อไม่ได้อีกแล้ว ฮือ...ถ้าขาดน็อตไปชีวิตเราก็ไม่มีค่าแล้ว เราจะไปตาย...เราจะฆ่าตัวตาย/”
อัยกลอกตาอย่างที่แทบจะหลุดอุทานอย่างเหลือเชื่อ
...ให้ตายสิ!
“แก้ม...เราเข้าใจแก้มนะ แต่เราก็คงให้น็อตกับแก้มไม่ได้” อัยทำเสียงถอนใจแล้วมองคาดโทษลูกพี่ลูกน้องเอาไว้ก่อน “ถ้าเราขาดน็อตไปเราก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
“/แต่...แต่น็อตสวมเขาเธอขนาดนี้แล้วนะ เธอยัง.../”
“ก็เรารักเขานี่นา...แก้มจะให้เราทำยังไงล่ะ ...เราคงยอมปล่อยเขาไปให้เธอไม่ได้หรอกในเมื่อเขาก็เลือกเรา”
“/นัง.../” ถ้อยคำผรุสวาทนานาชนิดดังกราดเข้ามาอย่างที่อัยยกหูออกห่างแทบไม่ทัน
น็อตยึดหูนั้นไปแทน ถอนใจหน่อยๆแล้วว่า
“แก้มเป็นหนักกว่าที่เราคิดนะ” เสียงเข้มกรอกไปตามสายอย่างที่อัยไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายตอบคำว่าอย่างไร “ตอนแรกเราคิดว่าเราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ถ้าแก้มเป็นได้ขนาดนี้ต่อไปอย่ามาเจอกันเลยจะดีกว่า ...แก้มโกหก ทำสะอื้นเก่งนะ ...แม้แต่จับมือแก้มเรายังไม่เคยคิดจะทำ ใส่ร้ายกันได้ขนาดนี้เลยหรอ ...เอาศักดิ์ศรีของผู้หญิงมาย่ำยีเพียงเพื่อให้แฟนเขาเลิกคบกัน...”
อัยแตะบ่าคนถือสายเบาๆเมื่อสีหน้าเขาเริ่มเครียดจัด
“เอาเลย...เราไม่เชื่อหรอกว่าแก้มจะกล้าฆ่าตัวตาย ...ไอ้กั๊กก็ยังคอยดูแลอยู่ไม่ใช่หรือไง ...เสียงเกมดังกรอกอยู่อย่างนั้น แก้มไปหามันที่บ้านล่ะสิ”
น็อตเบะปากเหมือนรำคาญแล้วสุดท้ายก็วางสายโดยไม่พูดอะไรอีก
“ยอดเลย” เด็กหนุ่มว่าแล้วขำ “ผู้หญิงอะไร”
“เอาน่า...เขาคงชอบน็อตมาก”
“มารยาเป็นบ้า...เนี่ยล่ะอัย ผู้หญิงแบบที่น็อตเกลียดที่สุด” เขาส่ายหัว “คนเราจะคบกันก็ต้องจูนกันด้วยนิสัยใจคอ แต่ถ้าโกหกกันตั้งแต่เริ่มแบบนี้มันก็เท่ากับไม่ได้เริ่ม”
“น็อตก็โกหกเขานี่”
“น็อตโกหกเพราะน็อตไม่อยากยุ่งไม่ใช่เพราะอยากควงเขา” น็อตเกาหัวแกรกๆ “เข็ดไปอีกนานเลยคนสวยๆ ถึงน็อตจะชอบมองชอบแอบคิดลวนลามบ้างครั้งคราวนะ แต่ยังไงน็อตก็ยังมีความคิดพอจะเลือกคบล่ะ ไม่ใช่สวยหน่อยก็เอาเลย ...ได้ไม่ตายดีล่ะทีนี้”
“ก็ยังมีแอบคิดลวนลามเขานี่...แล้วเขาจะคิดบ้างก็อย่าไปว่าเขาเลย”
“น็อตแค่คิดนะไม่เคยทำ แต่เขา...”
“หือ?” อัยเบิกตามองทันทีเมื่อญาติสนิทค้างคำ
“ก็นะ”
“เขายั่วน็อตหรอ”
“ใช่” น็อตยิ้มขำๆ “น็อตหนีกลับบ้านเลยล่ะ เดี๋ยวยาว”
“แสดงว่าเผลอๆไปกับเขาเหมือนกันล่ะสิถึงได้บานปลายขนาดนี้”
“พอๆ จบเท่านี้ ...จะไม่มีอีกแล้ว” เขายิ้มเหนื่อยๆแล้วถามขึ้นมา “แต่อัยทำถูกแล้วล่ะที่ไม่บอกชื่อจริง เพื่อนน็อตบางคนก็รู้จักชื่ออัย ไม่งั้นโดนจับได้แน่ว่าโกหก”
“อื้ม ...แต่อัยคงต้องไปบอกแก้วตัวจริงไว้บ้าง ...รายนั้นฟังคงขำแย่”
“อ้าว...มีแก้วตัวจริงด้วยหรอ”
“ใช่...เพื่อนอัยเองล่ะ ถ้ามีโอกาสแล้วเวลาเหมาะจะให้รู้จักทั้งกลุ่มเลย”
“เพื่อนอัยนี่คงสวยๆใสๆทั้งนั้นแน่เลย”
“น็อต”
“ครับ...ผมล้อเล่นครับคุณผู้หญิง” เด็กหนุ่มหัวเราะร่วนก่อนจะชะงักไปนิด
“อะไรหรอน็อต”
“อัย...” มือหนาจับข้อแขนเธอไว้ ดึงเข้าไปใกล้แล้วกระซิบ “อัยยังวิ่งเร็วชิงแชมป์ได้อยู่หรือเปล่า”
“หา...อะไรนะ”
“เอาล่ะ มีผู้ต้องสงสัยท่าทางน่าเกลียดสามสี่คน อัยวิ่งรวดเดียวถึงบ้านแล้วไปตามพี่จักษ์กับพี่นัทมานะ...”
ดวงตาเด็กสาวกวาดมองไวๆเห็นชายสองสามคนอย่างที่น็อตว่าตามมุมต่างๆรอบตัว ...แววตาไม่เป็นมิตรและประกายวาวของมีดที่พวกเขาเก็บซ่อนกันนั้นทำให้เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ
“น็อต...”
“ไม่เป็นไร...น็อตไม่เป็นไร อัยวิ่ง!” เขาผลักเธอไปทางกลับบ้านเมื่อชายร่างผอมเกร็งคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาอย่างที่น็อตโยกตัวหลบแทบไม่ทัน
เสียงกรีดร้องของคนแถวๆนั้นพร้อมเสียงร้องตะโกนว่าเด็กตีกันดังไปหมดเนื่องจากว่าบริเวณสามแยกนั้นมักมีวัยรุ่นตีกันบ่อยๆทั้งๆที่เป็นที่สาธารณะและมีคนผ่านไปผ่านมาเยอะ
...เขาว่ากันว่าเด็กสมัยนี้ชอบวางมวยโชว์ ...เพียงแต่มันไม่ใช่มวย มันดวลกันด้วยมีดและปืน ยิ่งมีคนโดนลูกหลงมากเท่าไหร่กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเรื่องก็คล้ายจะภูมิใจในความดังขึ้นไปอีก!
แต่ไม่ใช่...รอบนี้ไม่ใช่ยกพวกตัน รอบนี้คนพวกนั้นจงใจมาหาเรื่องโดยเฉพาะ
และมันน่าคิดตรงที่ว่าเป้าหมายอาจจะเป็นเธอ!
อัยหยุดกึกเมื่อมีคนอีกสองคนมาดักหน้าเธอไว้ตอนที่เธอจะเลี้ยวตรงหัวมุม
รอยแสยะยิ้มนั้นบ่งชัดว่าความคิดเธอถูกต้อง!
...เอาไงล่ะทีนี้
เด็กสาวโยกตัวไปมาหวังจะผ่านไปให้ได้ แต่ร่างผอมสูงนั้นก็ดูจะว่องไวเหลือเกิน
...เอาวะ!
ร่างบางย้อนกลับทางเดิมที่เธอทิ้งน็อตมา ย่อตัวคว้าก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาได้แล้วปาใส่นักเลงตัวใหญ่ที่กำลังตวัดปลายมีดเข้าหาน็อต
โชคช่วยให้หินนั้นลงกลางกบาลเป้าหมายเป๊ะและน็อตก็มีเวลาพอจะเตะเข้าข้อพับอีกคนที่พุ่งเข้าใส่แล้วปามีดที่ตกอยู่หาคนที่วิ่งไล่หลังเธอมา
“อัย!” น็อตตะโกนแล้ววิ่งตามเธอที่มุ่งหน้ากลับไปทางโรงเรียน
“กลับบ้านไม่ได้มันดักทางหมด” อัยว่าแล้ววิ่งเข้าโรงเรียนอย่างที่น็อตไม่ได้คัดค้านอะไรเมื่อวิ่งตามเข้ามา
“บ้าจริง...เราว่ามันไม่น่ากล้าเข้ามาในโรงเรียน” เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก มีอาการปวดหนึบๆที่ศีรษะขึ้นมาหลังการปะทะเมื่อครู่
“ยาม ...คุณลุงยามไปไหนแล้วนะ” อัยหันซ้ายหันขวา “น็อตโทรฯหาพี่นัทสิ”
“อื้ม” น็อตหยิบมือถือขึ้นมาโทรฯทันที ยังมีอาการหอบหายใจอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ดีแน่ถ้าพวกมันตามพวกมาเพิ่ม...อัยไปทำอะไรไว้หือมีผู้ชายตามเป็นขบวนอย่างนั้น”
“อัยไม่แน่ใจ” เด็กสาวมุ่ยหน้าแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ “อาจจะเป็นพี่อ้อม”
“พี่อ้อม?” น็อตทวนคำด้วยท่าทางเร่งร้อนเมื่อไม่มีใครรับสาย
“พี่แกคิดว่าอัยแย่งแฟน”
“โอ๊ยผู้หญิงสมัยนี้” น็อตมีท่าทางหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆจนมีคนรับสาย “พี่นัท...พี่นัทมารับน็อตกับอัยที พวกอันธพาลบ้าที่ไหนไม่รู้มันจะจับอัย มีมีดด้วยพี่นัท เมื่อกี๊น็อตโดนมันตีหัวด้วย”
อัยหลับตาแน่นเมื่อนึกสภาพความวุ่นวายที่บ้าน...และความเกรี้ยวกราดของคุณปู่เมื่อท่านรู้เรื่องนี้เข้า
...แต่จะทำอย่างไรได้... ตอนนี้ความปลอดภัยสำคัญที่สุด
-----> มีต่อ