ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรที่สุดโง่---ฝ่ายนางยักษ์ที่ถูกอุบายลวงของพระอภัยมณีผู้เป็นสามี
ไปนั่งโซเซาอยู่ริมภูผา---นั่งอ่อนแรงอยู่ริมผากลางป่า
ขอชีวิตพิษฐานตามตำรา --- วอนขอชีิวิต อธิษฐานตามที่พระอภัยมณีบอกมา--
ต้องอดปลาอดนอนอ่อนกำลัง--ว่าต้องอาหารและห้ามนอน จนอ่อนกำลัง
ได้สามวันรันทดสลดจิตต์ ----อดทนจนครบสามวันมาได้ตามคำแนะนำ
เจียนชีวิตจะเด็ดดับไม่กลับหลัง---ทั้งหิวและล้าจนแทบจะขาดใจ
อุส่าห์ยืนฝืนใจให้ประทัง---นางค่อยๆฝืนลุกขึ้น
ค่อยเซซังซวนทรงไม่ตรงตัว---ด้วยความที่แทบไร้เรี่ยวแรงจึงเซไป
เห็นลูกไม้ในป่าคว้าเข้าปาก ---พอเห็นลูกไม้ป่าก็คว้ามากิน
กำลังอยากยืนขยอกจนกลอกหัว---ด้วยความหิวก็ต้องกินประทังชีวิต พยายามกลืนทีละนิด......................(((((ขยอก ๒ [ขะหฺยอก] ก. อาการที่ค่อย ๆ กลืนอาหารที่คับคอลงไปทีละน้อย,
ที่มืดอดหน้าตาลายค่อยหามัว ---พอนางได้อาหาร ที่ตาลาย ก็ค่อยดีขึ้น
คิดถึงผัวเหยาะย่างมากลางไพร--จึงคิดถึงพระอภัยมณี
ถึงประตูคูหาเห็นเปิดอยู่ ---พอนางยักษ์กลับมาเห็นประตูเปิดอยู่
เอ๊ะอกกูเกิดเข็ญเป็นไฉน---ก็ตกใจ
เข้าในห้องมองเขม้นไม่เห็นใคร ---เข้ามาในถ้ำก็ไม่พบผัวและลูก
ยิ่งตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นชีวี---นางยักษ์ยิ่งตกใจแทบสิ้นชีวิต
แลดูปี่ที่เป่าเล่าก็หาย --- มองไม่เห็นปี่ของพระอภัยมณี
นางยักษ์ร้ายรู้ว่าพากันหนี--นางยักษ์รู้ว่าพระอภัยมณีกับลูกพากันหนีไปแล้ว
เสียน้ำใจในอารมณ์ไม่สมประดี --- เสียใจ
สองมือตีอกตูมฟูมน้ำตา--ฟูมฟาย ตีอกชกตัวเอง
ลงกลิ้งเกลือกเสือกกายร้องไห้โร่ ---ลงไปนอนร้องไห้เกลือกกลิ้งอยู่พื้นห้อง --
เสียงโฮโฮดังก้องห้องคูหา--เสียงร้องไห้โฮดังทั่ว
พระรูปหล่อพ่อคุณของเมียอา --- พ่อรูปงามของเมีย
ควรหรือมาทิ้งขว้างหมองหมางเมีย---ทำไมท่านต้องมาทิ้งเรา