ทั้งสองร่างพลันตกในภวังค์
มิอาจรั้งสายตากลับคืนได้
ก่อนผู้ชมจะเห็นภาพชายจิ้นชาย
เทียนฟงคล้ายรู้สึกตัวผละออกทัน
ส่วนหยางเซียวรีบลุกขึ้นจัดอาภรณ์
พลางทอดถอนลมหายใจถี่กระชั้น
ก่อนเอ่ยถามจุดประสงค์อีกฝ่ายพลัน
"ตอบสั้น ๆ มาหาข้ามีเรื่องใด?"
"ก่อนที่ข้าจะตอบคำ..ขอขำก่อน
แค่จิ้งจกวัยละอ่อน..ท่านไฉน
จึงกลัวมันขาแข้งถึงกับสั่นไซร้?"
"หากเจ้าไม่อยากด่วนตายก็จงฟัง!"
"ขืนเจ้านำความลับนี้ไปแพร่งพราย
ก็อย่าว่าข้าใจร้ายเอาทีหลัง"
พูดพลางรวบเอวบางมาสุดกำลัง
"หากเจ้ายังรูดซิปปากไม่ดีพอ"
"ข้าจะช่วยปิดมันให้".."เดี๋ยวสิท่าน"
เทียนฟงพลันหลุบตาลงร้อง.."เอ๊าะอ๋อ
เกรงคำพูดประโยคนั้นไม่ชัดพอ
ฟังแล้วส่อหลายแง่นะ..พ่อรูปงาม"
หยางเซียวพลันปรายตามองก่อนเอ่ยสวน
"ไยสำนวนเจ้ามันช่างฟังดูห่าม
วิสัยข้าหาชมชอบลิ้มชายงาม
และมิใช่พวกจิตทรามใฝ่ตุ๊ดเกย์!"
พลันผละตัวเทียนฟงออกอย่างเร็วรี่
"เจ้าแหละตอบมาสักทีอย่าไฉเฉ
คงอยาก drink ฟรีสิท่าไม่ต้อง pay"
"ดูแคลนข้ามากไปเพ่..ฟังให้ดี"
"ผิดด้วยหรือข้าเพียงอยากพบหน้าท่าน
ย้อนคืนวันเก๊าเก่าอันสุขี
ร่ำสุราร่ายกลอนกานท์กวี
ข้ายังมีของฝากจากแดนไกล"
"โสมตังกุยก๋วยจั๊บ..อะไรนั่น"
"ถ้าเช่นนั้นขอข้ายลได้ไหม?"
"แหะ ๆ ข้าเผลอทำหล่นหายไป
ระหว่างทางนั้นไซร้..ขอโทษที >,<"
"หึหึ".."ไยท่านหัวเราะข้าเยี่ยงนั้น?"
"ข้าตื้นตันเหลือเกิ๊น..สุดแสนที่
จะบรรยายออกมาเป็นถ้อยวจี
เจ้าอุตส่าห์หวังดี..น่าเสียดาย"
"ตังกุยจับหายไปแล้วก็ช่างมัน!"
เทียนฟงพลันรู้สึกได้ว่าสหาย
กำลังแขวะด้วยวาจาพลันขวยอาย
เพราะอีกฝ่ายไม่หลงกลแถมรู้ทัน
หยางเซียวพลันครุ่นคิดถึงบางอย่าง
~ไหน ๆ นางก็จากข้าไปสวรรค์
หลายปีแล้วหากนับรวม..ตัวข้านั้น
ผ่านคืนวันแสน alone มาได้ไง~
~ก่อนเคยมีหวานใจอยู่เคียงข้าง
แต่พอนางลาลับยากผลักไส
ความเหน็บหนาวรวดร้าวเผาทรวงใน
ยากจะหักอาลัยคืนข้ามปี~
~มีเทียนฟงร่วมฉลองก็ดีนะ
แม้อาจจะรำคาญบ้าง..แต่หมอนี่
มี style ช่วยคลายทุกข์ในแบบ he
ลองสักทีไม่เสียหาย~..พลันเอ่ยชวน
"วิสัยข้าชมชอบความ silent
หากว่าเจ้าเงียบไม่เป็น..ก็อย่าป่วน
นั่งเป็นตุ๊กตาหินไม่ก่อกวน
ถ้าทำได้ครบถ้วนก็เชิญมา"
เทียนฟงพลางทำปากบ่นอุบอิบ
"เรื่องจุ๊บจิ๊บแค่นี้..ใช่หนักหนา
ไยต้องห้ามเอ่ยคำจำนรรจา"
"พล่ามอะไรนึกหรือข้าไม่ได้ยิน?"
"ป่าวสักหน่อยแค่เซ็งคนแถวนี้"
"เจ้าอย่าเอ่ยยวนยีทำเล่นลิ้น
ไม่ต้องมาตีหน้าแบ๊วข้าไม่อิน!"
"น้ำหยดหินทุกวันยังกร่อนเลย"
"ข้าไม่เชื่อจะเปลี่ยนแปลงท่านไม่ได้
อดีตท่านซังกะตายแถมเพิกเฉย
ไร้อาวรณ์ทางโลก..พ่อทรามเชย
แถมมิเคยสนใจใยดีใคร"
"โชคยังดีที่ท่านได้เจอข้า
ช่วยนำพาท่านพบความสดใส
รับรู้ว่าในโลกนี้ยังมีใคร"
"คอยห่วงใยข้าใช่ไหม..หยุดพูดเลย!"
"รับตั๋วเงินแล้วรีบไปซื้อเหล้า
อย่ามัวเม้าท์กับคนขายเอ้อระเหย
ข้าจะรอบนหลังคา"..หยางเซียวเอ่ย
"รับแซ่บคร้าบจะไปเลย ณ บัดนาว"
ตกกลางคืนหยางเซียวรีบขึ้นหลังคา
ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าโคตรจะหนาว
แหงนมองฟ้าจันทร์กระจ่างท่ามหมู่ดาว
หากมีสาวแนบเคียงกายคงอุ่นดี
มือเรียวคว้าไหสุรายกขึ้นซด
พลันปรากฏเงาร่าง somebody
"อากาศหนาวจังเลยนะวันนี้"
เทียนฟงปรี่เข้าไปเอ่ยทักทาย
พลางยิ้มเผล่ก่อนใช้ไหล่กระทบเขา
กระแซะเอาร่างตนเบียดด้วยคิดหมาย
รับไออุ่นกรุ่นกลิ่นอายของทูตซ้าย
หยางเซียวปรายตามองพลันพลิกตัว
แสร้งทำเป็นไม่เห็นคนตรงหน้า
ทอดสายตามองฝ่าความมืดสลัว
เทียนฟงรั้งอีกฝ่ายหันเข้าหาตัว
ช้อนสายตาพลางเอ่ยยั่ว.."คนขี้งอน"
สองมือน้อยพลันประคองใบหน้าคม
รีบระดมความคิดเอ่ยถามก่อน
"ไยท่านไม่ตอบคำข้า..พ่องามงอน?"
หยางเซียวค้อนสะบัดหน้าไม่หืออือ
"ท่านจะนั่งเป่าสากอีกนานไหม?"
"มีอะไรต้องพูดกันอีกหรือ
ในเมื่อเจ้าไม่เคารพกฏ".."ตาบื้อ!
ไปยึดถือทำไมอีกกฏบ้าบอ"
"รีบถอนคำก่อนที่ข้าจะซัดเจ้า
กฏพรรคเราถือกำเนิดและเกิดก่อ
ผู้คุมกฏต้องท่องจำในทุกข้อ
พร้อมสานต่อเพื่อผดุงคุณธรรม"
"พรรคจรัสล่มสลายไปนานปี
ยังทู่ซี้รักษากฏ..ช่างน่าขำ!"
หยางเซียวพลันรุกจู่โจมหมายกระทำ
ฝากรอยช้ำบนเรือนร่างหนุ่มปากดี